วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

ข่าว IT


[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ความสามารถของการถ่ายภาพจาก iPhone 5 แม้จะมีข้อดีแต่มันก็ยังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรและในตอนนี้มันอาจเป็นรองคู่แค่อย่าง Samsung Galaxy S4 Zoom, Nokia Lumia 1020 และอาจรวมทั้ง Sony Xperia Honami ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้ด้วย อย่างไรก็ตามทีมนักออกแบบของสิงคโปร์ก็เกิดปิ๊งไอเดียสร้างสรรค์เคส iPhone 5 แนวใหม่ที่มากับเลนส์พร้อมเซนเซอร์คุณภาพสำหรับการถ่ายภาพโดยเฉพาที่ผ่านมาเราเคยเห็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone เพื่อการถ่ายภาพไปบ้างแต่บางครั้งมันอาจเป็นอุปสรรคเรื่องการพกพาไปบ้าง แต่ "Ladibird" คือเลนส์เสริมสำหรับ iPhone 5 ที่มาในรูปแบบของเคส ภายในเคส Ladibird มี Lightning connector เพื่อเชื่อมต่อกับ iPhone 5 ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานผ่านแอพแอพ Ladibird และแชร์ไปยังโซเชี่ยลมีเดียได้อย่างง่าย ถูกใจ นอกจากนี้ตัวเคสยังรองรับ iPhone รุ่นใหม่ด้วย ฉะนั้นผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่าหมดสิทธิ์ใช้งานแน่นอน เคส Ladibird ถูกออกแบบตามคอนเซปต์ของกล้อง Mirrorless ตัวเลนส์มีขนาด 50mm รูรับแสง f/1.8 พร้อมเซนเซอร์ CMOS ช่วยให้การภาพแบบหน้าชัดพื้นหลังเบลอหรือโบเก้ผ่าน iPhone 5 เป็นเรื่องง่ายภายในพริบตา




Ladibird ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณภาพของภาพถ่ายมีความคดชัดเช่นเดียวกับกล้อง DSLR โดยที่ตัวเคสมีน้ำหนักเบาและมีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด
ะในชื่อ "Ladibird"



สำหรับการวางขายในสหรัฐอเมริกาทางทีมนักออกแบบจะเริ่มจัดส่งล็อตแรกภายในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2014 ซึ่ง 100 ท่านแรกมีราคาอยู่ที่ 137 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 4,110 บาท และ 300 ท่านต่อมาจะมีราคาที่ 167 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 5,010 บาท จัดส่งภายใน 30 กันยายน 2014 และ 100 ท่านสุดท้ายราคา 197 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,910 บาท จัดส่งภายใน 30 กันยายน 2014 เช่นกัน

แหล่งที่มา : http://www.arip.co.th/news.php?id=417179

วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กฎของมัวร์

Moore's law


Moore's law คือ
          กฎของมัวร์ หรือ Moore's  law  คือ กฎที่อธิบายแนวโน้มของการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ในระยะยาว มีความว่า จํานวนทรานซิสเตอรที่สามารถบรรจุลงในชิพจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในทุกๆสองปี Gordon E. Moore ผู้ก่อตั้ง Intel  ซึ้งได้อธิบายแนวโน้มไว้ในรายงานของเขาในปี 1965 จึงพบว่ากฎนี้แม่นยำ อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก อุตสาหกรรม semiconductor  นำกฎนี้ไปเป็นเป้าหมายในการวางแผน พัฒนาอุตสาหกรรมได้ Moore’s law เป็น ปริมาณของทรานซิสเตอร์บนวงจรรวมจำนวนของทรานซิสเตอร์ ต่อตารางนิ้วบนแผงวงจรรวม มีสองเท่าทุกปีตั้งแต่วงจรรวมถูกคิดค้น Moore predicted that this trend would continue for the foreseeable future. มัวร์ที่คาดการณ์ว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้ ในปีถัดไป,การก้าวชะลอตัวลงเล็กน้อยแต่ความหนาแน่นของข้อมูลได้เท่าประมาณทุก 18 เดือน
กฎของมัวร์ (Moore's Law)       
          ในปี พ.ศ. 2490 วิลเลียมชอคเลย์และกลุ่มเพื่อนนักวิจัยที่สถาบัน เบลแล็ป ได้คิดค้นสิ่งที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกมาก เป็นการเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิคส์ที่เรียกว่า โซลิดสเตทเขาได้ตั้งชื่อสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาว่า "ทรานซิสเตอร์" แนวคิดในขณะนั้นต้องการควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถทำได้ดีด้วยหลอดสูญญากาศแต่หลอดมี ขนาดใหญ่เทอะทะใช้กำลังงานไฟฟ้ามากทรานซิสเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์ที่นำมาแทนหลอดสูญญากาศได้เป็นอย่างดีทำให้เกิดอุตสาหกรรมสารกึ่งตัวนำตามมา และก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ 
          การสร้างทรานซิสเตอร์มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง บริษัท แฟร์ซายด์ เซมิคอนดัคเตอร์เป็นบริษัทแรกที่เริ่มใช้เทคโนโลยีการผลิตทรานซิสเตอร์แบบ  Planar หรือเจือสารเข้าทางแนวราบ เทคโนโลยีแบบของการสร้างไอซีในเวลาต่อมา จากหลักฐาน พบว่า บริษัทแฟร์ซายด์ได้ผลิตพลาน่าทรานซิสเตอร์ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2502 และบริษัทเท็กซัสอินสตรูเมนต์ได้ผลิตไอซีได้ในเวลาต่อมา และกอร์ดอนมัวร์กล่าวไว้ว่า จุดเริ่มต้นของกฎของมัวร์เริ่มต้นจากการเริ่มมีพลาน่าทรานซิสเตอร์ 
 
          คำว่า กฎของมัวร์ นั้นถูกเรียกโดยศาสตราจารย์   Caltech   นามว่า    Carver Mead
ซึ่งกล่าวว่าจํานวนทรานซิสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆหนึ่งปี ในช่วงปี 1965 ต่อมามัวร์จึงได้

เปลี่ยนรูปกฎ เพิ่มขึ้นสองเท่าในทุกๆสองปี ในปี 1975

บิตตรวจสอบ (Party Bit)

บิตตรวจสอบ (Parity Bit)

 

            บิตตรวจสอบ  (Party Bit)
 
            บิตตรวจสอบ  หรือพาริตี้บิตเป็นบิตที่เพิ่มเติมเข้ามาต่อท้ายอีก  บิต เป็นบิตพิเศษที่ใช้สำหรับตรวจสอบความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลที่ถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์   มีวิธีการตรวจสอบอยู่ 2 วิธี คือ 
1.    การตรวจสอบบิตภาวะคู่  (Even  Parity)
2.     การตรวจสอบบิตภาวะคี่  (Odd  Parity)

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

adisorn ตาราง Unicode & ASCll




ตาราง Unicode

Unicode คืออะไร
     ยูนิโค๊ด คือ รหัสคอมพิวเตอร์ใช้แทนตัวอักขระ สามารถใช้แทน ตัวอักษร,ตัวเลข,สัญลักษณ์ต่างๆ ได้มากกว่ารหัสแบบเก่าอย่าง  ASCII ซึ่งเก็บตัวอักษรได้สูงสุดเพียง 256 ตัว(รูปแบบ) โดย Unicdoe รุ่นปัจจุบันสามารถเก็บตัวอักษรได้ถึง 34,168 ตัวจากภาษาทั้งหมดทั่วโลก 24 ภาษา โดยไม่สนใจว่าเป็นแพลตฟอร์มใด ไม่ขึ้นกับโปรแกรมใด หรือภาษาใด





ตาราง ASCII


ความหมาย
ย่อมาจาก American Standard Code for Information Interchange ที่แปลว่า รหัสมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาเพื่อการสับเปลี่ยนสารสนเทศ พูดง่าย ๆ ก็คือ แอสกี เป็นรหัสมาตรฐานแบบหนึ่งที่ใช้แทนตัวอักขระต่าง ๆ เรียกว่า รหัสแอสกี



                                                                                                                            _ _ _ _ _
ADISORN SANTIKUNAKORN

A = 0100 0001
D = 0100 0100
I  = 0100 1001
S = 0101 0011
O = 0100 1111
R = 0101 0011
N = 0100 1110

S = 0101 0011
A = 0100 0001
N = 0100 0100
T = 0101 0100
I = 0100 1001
K = 0100 1011
U = 0111 0101
N = 0100 1110
A = 0100 0001
K = 0100 1011
O = 0100 1111
R = 0101 0011
N = 0100 0100